อัพเดทล่าสุด
หน้าแรก / มนุษย์เงินเดือน / ลงทุนอะไรดี? ในปี 2021 ให้งอกเงย เกิดประโยชน์สุงสุด

ลงทุนอะไรดี? ในปี 2021 ให้งอกเงย เกิดประโยชน์สุงสุด

เมื่อกล่าวถึงการลงทุน หลายคนคงเกิดคำถามต่อไปว่า ควรจะลงทุนอะไรดี? มีผลตอบแทนอย่างไรบ้าง? และการลงทุนที่ว่ามีแบบไหนบ้าง? ซึ่งสยามอาชีพเชื่อว่า ผู้อ่านหลายท่านคงยังไม่ได้ศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างดีมากนัก และหลายท่านก็ยังคงตัดสินใจไม่ได้เสียที ว่าควรจะลงทุนอะไร แบบไหน ถึงจะเหมาะสมและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับตัวเอง

และสำหรับบทความนี้ สยามอาชีพจะทำให้ผู้อ่านทุกท่านรู้จัก เข้าใจและสามารถนำข้อมูลการลงทุนไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจได้ อย่างไรก็ตามการลงทุนแต่ละแบบให้ผลตอบแทนไม่เท่ากัน ความเสี่ยงต่างกัน ระยะเวลาต่างกัน เงื่อนไขต่างกัน ท่านผู้อ่านควรศึกษาให้ดีจริงๆ ก่อนตัดสินใจว่าแล้วก็มารู้จักการลงทุนในแบบต่างๆ กันเลย

ลงทุนอะไรดี 2020

1. ฝากประจำ ปลอดภาษี

เป็นการลงทุนแบบออมเงินไปในตัว และได้ดอกเบี้ย พร้อมกับได้รับการยกเว้นภาษีด้วย ถึงแม้ดอกเบี้ยจะไม่สูงเท่าการลงทุนแบบอื่น แต่ก็ถือเป็นการเก็บเงินแบบระยะยาว และช่วยสร้างวินัยในการเก็บเงินได้ดีด้วย ซึ่งการฝากประจำ คุณต้องฝากเงินในจำนวนเท่ากันทุกเดือน และต้องมีการกำหนดระยะเวลาในการฝาก โดยคุณสามารถเลือกได้ว่าจะฝาก 24 เดือน / 48 เดือน / 60 เดือน (ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร) เมื่อครบกำหนดแล้ว คุณถึงจะได้รับดอกเบี้ยตามที่ธนาคารได้แจ้งไว้ แต่หากมีการถอนหรือปิดบัญชีก่อน 3 เดือน คุณก็จะไม่ได้รับดอกเบี้ยเลย
การฝากประจำ จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บเงิน และไม่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงหรือจำนวนมาก มีความเสี่ยงต่ำ ไว้สำหรับใช้เป็นเงินทุนสำรอง โดยแต่ละธนาคารจะกำหนดให้ฝากขั้นต่ำตั้งแต่ 500-1,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ จะมีตั้งแต่ 2.25%-2.75% หรือไม่เกิน 3%

2. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

เป็นการลงทุนในแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน ที่ทางนายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น เพื่อมีจุดประสงค์ให้ลูกจ้างได้มีเงินออมไว้ใช้จ่ายตอนเกษียณอายุงาน ออกจากงาน ทุพพลภาพ หรือกรณีที่เสียชีวิต โดยเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพจะมาจาก เงินของลูกจ้างที่ถูกหักส่วนหนึ่งจากเงินเดือน ในอัตราไม่ต่ำกว่า 2%-15% ของเงินเดือน ซึ่งเรียกว่า “เงินสะสม” สำหรับส่วนของนายจ้าง ที่จะต้องจ่ายเงินอีกส่วนหนึ่งเข้ากองทุนเป็นประจำทุกเดือน เรียกว่า “เงินสมทบ” จะต้องสมทบในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าเงินสะสมของลูกจ้าง กล่าวได้ว่า หากลูกจ้าง หักเงินลงกองทุน 10% นายจ้างก็ต้องสมทบให้อีก 10% นั่นเอง

เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะถูกบริษัทจัดการกองทุน นำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด ภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้ และนำดอกเบี้ยที่ได้ มาแบ่งให้ตามสัดส่วนเงินลงทุนของผู้ที่อยู่ในกองทุน สำหรับกองทุน จะมีสถานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทหรือนายจ้าง หากวันใดวันหนึ่งบริษัทปิดกิจการ เงินสะสมและเงินสมทบในกองทุนของลูกจ้าง ก็ยังเป็นของลูกจ้างและได้รับเหมือนเดิม

กองทุนรวม

3. ตราสารหนี้

เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ได้ผลตอบแทนแน่นอน และสม่ำเสมอ โดยผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเป็นงวดๆ เช่น 2 ครั้ง/ปี หรือ 4 ครั้ง/ปี และเมื่อถึงวันครบกำหนด ผู้ลงทุนก็จะได้รับเงินต้นคืนด้วย สำหรับบุคคลทั่วไป สามารถซื้อขายตราสารหนี้ได้โดยการติดต่อธนาคารที่เราสนใจ เตรียมเอกสารในการเปิดบัญชี และการตรวจสอบราคาก่อนซื้อขาย ซึ่งตราสารหนี้จะแบ่งประเภทตามผู้ออก ได้แก่

  • รัฐบาล ได้แก่ การออกพันธบัตร ที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปี และตั๋วเงินคลัง ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
  • เอกชน คือ การออกหุ้นกู้ ที่มีอายุไม่เกิน 270 วัน หรือตั้งแต่ 270 ก็ได้
  • ต่างประเทศ คือ การออกตราสารหนี้ต่างประเทศ

ตราสารหนี้สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันครบกำหนดอายุด้วย

4. กองทุนรวม                

เป็นการลงทุนของนักลงทุนมือใหม่ ที่ไม่มีประสบการณ์ ความรู้ หรือความชำนาญในการลงทุน และไม่มีแม้แต่เวลาที่จะศึกษาข้อมูลการลงทุน จึงต้องนำเงินมาลงทุนให้กับผู้เชี่ยวชาญ ผ่านบริษัทจัดการกองทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้บริหารจัดการเงินให้ แต่กองทุนรวมก็ถือว่ามีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะหากลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อย หรือไม่ได้เลย

ลงทุนหุ้น

5. หุ้น

เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก และได้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง เพราะการลงทุนในหุ้น คือการไปซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของของบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เปรียบสเหมือนคุณเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทนั้นๆ ทำให้มีส่วนในการได้รับกำไรและส่วนที่ต้องขาดทุน ซึ่งการเลือกซื้อหุ้นของบริษัท คุณจะต้องศึกษาหาข้อมูล โดยการมองภาพรวมของบริษัทนั้นๆ ว่ามีทิศทางไปในทางใด มองการเติบโตในอนาคต ดูผลประกอบการของบริษัทแต่ละปี  ดูสัดส่วนผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร ราคาหุ้น รวมถึงวิเคราะห์เศษฐกิจ การลงทุนต่างๆ หลังจากที่คุณได้ซื้อหุ้นของแต่ละบริษัทแล้ว (ไม่ควรลงทุนซื้อแค่บริษัทเดียว เพราะมีความเสี่ยงมากเกินไป) คุณก็ต้องศึกษาการดูหุ้นให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นสถิติ กราฟ หรือตัวเลข จังหวะไหนควรซื้อ หรือขาย เพราะผลตอบแทนที่คุณจะได้รับจากการลงทุนในหุ้นสูงถึงปีละ 10-12% โดยมีกำไรจาก 2 ทาง คือ

  • กำไรจากการซื้อขาย เป็นกำไรที่ได้จากราคาหุ้นที่เราขาย สูงกว่าราคาหุ้นที่เราซื้อมา
  • กำไรจากการปันผล เป็นกำไรจากบริษัท ที่แบ่งให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งสามารถได้รับปันผลปีละครั้งหรือหลายครั้งก็ได้ ขึ้นอยู่กับมติของกรรมการบริษัท

อย่างไรก็ตามการเล่นหุ้นสำหรับใครหลายคน ที่ยังไม่กล้าลงทุน หรือเป็นมือใหม่ ก็ต้องใช้วิธีศึกษาความรู้จากนักเล่นหุ้นมืออาชีพ ทั้งตามหนังสือหรือบน Social Media มากมาย เพื่อดูวิธีการ แนวคิด และสิ่งที่ควรปฏิบัติ รวมถึงการลองเล่นหุ้นด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการซ้อมก่อนเล่นจริง จากแอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ต่างๆ ที่ให้บริการ

6. อสังหาริมทรัพย์

เป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เพราะไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน บ้าน คอนโด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ หรืออาคารสำนักงาน ก็สามารถสร้างกำไรให้คุณได้อย่างดีทีเดียว หากคุณรู้จักวิธีและเทคนิคการลงทุนในแบบต่างๆ มาดูว่ามีการลงทุนแบบไหนกันบ้างค่ะ

  • แบบเก็งกำไร เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เพราะลงทุนน้อย ได้ผลตอบแทนเร็ว โดยมีวิธีการคือซื้อใบจองคอนโด และปล่อยขายต่อ ซึ่งก่อนจะซื้อใบจองนั้น คุณควรมีการศึกษาทำเล ความน่าสนใจของโครงการ และช่วงเวลาของราคาที่ทำกำไร เพื่อให้ได้ใบจองในราคาดี ขายได้เร็ว และไม่ขาดทุน ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมในการปล่อยขายใบจองก็คือไม่เกิน 1 เดือน
  • แบบปล่อยเช่ารายเดือน เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนแบบเสือนอนกิน เพียงแต่ในตอนแรกคุณต้องมีเงินทุนมากพอที่จะซื้อ เพื่อไม่ให้ลำบากหรือเป็นภาระในอนาคต สำหรับการปล่อยเช่ารายเดือน รายได้ที่ดีจะขึ้นอยู่กับทำเลเป็นหลักด้วย
  • แบบปล่อยเช่ารายวัน อีกการลงทุนของอสังหาแบบเสือนอนกิน แต่มีความแตกต่างกันตรงที่เป็นแบบปล่อยเช่ารายวัน ซึ่งจะเหมาะกับอสังหาที่อยู่ในย่านแหล่งท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตลอด และเป็นอสังหาที่มีการตกแต่งแบบสร้างสรรค์ มีสไตล์ เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพัก ที่สำคัญคือราคาไม่แพง ซึ่งเป็นลักษณะของ Hostel หรือ Airbnb
  • แบบซ่อมแล้วขาย คือการซื้ออสังหามือสอง หรือมือหนึ่งแต่ถูกขายทอดตลาด หรือจากการประมูล แล้วนำมา Renovate ใหม่ ให้อยู่ในสภาพดี สมบูรณ์ และสวยงามน่าอยู่ เพื่อที่จะได้ขายต่อในราคาที่ดีที่สุด เพราะการลงทุนแบบซ่อมแล้วขาย จะเน้นการลงทุนต่ำ แต่ได้ผลตอบแทนสูง
  • แบบเป็นนายหน้า นายหน้าจะทำหน้าที่เป็นคนกลางประสานงาน เจรจา พูดคุยระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ถือได้ว่าเป็นการลงทุนในอสังหาที่ใช้เงินลงทุนน้อยมาก แต่ได้รับผลตอบแทนค่อนข้างสูง โดยส่วนมากจะอยู่ที่ 3-5% ในบางกรณีอาจได้รับถึง 10% แต่การจะได้รับผลตอบแทนที่สูงหรือตลอดนั้น คุณต้องมีทักษะในการเจรจา โน้มน้าว และเทคนิคในการต่อรอง

แบบกองทุน เป็นการลงทุนในกองทุนรวมอสังหา โดยผู้จัดการกองทุน จะระดมเงินทุนจากผู้ลงทุน ไปลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และเมื่อได้กำไร ก็จะแบ่งปันผลมาให้กับผู้ลงทุน

ลงทุนทองคำ

7. ทองคำ

ทองคำ เป็นอีกการลงทุนที่ได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัย เพราะเป็นสินทรัพย์ที่แสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวย ซื้อง่ายและขายไม่ยาก แต่จะขายให้ได้กำไรอย่างไรนั้น ก็ต้องมีการศึกษาราคาทองคำในตลาด แนวโน้มราคา ความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งจังหวะการขายทองคำให้ได้กำไรก็ต่อเมื่อ ทองคำมีราคาสูงกว่าราคาปกติในตลาดประมาณ 2-5% โดยการซื้อทองคำเพื่อการลงทุน ควรซื้อเป็นทองคำแท่งมากกว่าทองรูปพรรณ เพราะมีค่ากำเหน็จน้อยกว่าและราคารับซื้อ จะถูกหักน้อยกว่าหรือไม่ถูกหักเลย

อีกวิธีของการลงทุนแบบทองคำ คือการออมทอง ซึ่งเป็นการสะสมเงินในแต่ละเดือนเท่าๆกันมาซื้อทองคำ โดยออมผ่านแอพพลิเคชั่นของสถาบันการเงินต่างๆ และใช้วิธีหักเงินจากบัญชีเท่ากันในแต่ละเดือน ซึ่งคุณมั่นใจได้เลยว่า การลงทุนแบบออมทองมีความปลอดภัย และหากต้องการลงทุนแค่เดือนละ 1,000 ก็สามารถซื้อทองได้

8. ของสะสม

เป็นการลงทุนสำหรับคนที่มีความชอบส่วนตัวในการสะสมสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ของใช้เก่า นาฬิกา กระเป๋า รถ กล้องถ่ายรูป เฟอร์นิเจอร์ รูปวาด เป็นต้น ซึ่งของสะสมเหล่านี้ ยิ่งนานวัน ยิ่งมีราคา โดยเฉพาะของเก่าหายาก และสำหรับนักสะสม ที่ลงทุนเพื่อนำมาขายต่อ ก็จำเป็นต้องทราบแหล่งขาย ราคาตลาด กลุ่มลูกค้า และที่สำคัญคือความรู้ในของเหล่านั้น อีกทั้งความรู้ในการแยกระหว่างของแท้กับของปลอม

สำหรับการลงทุนในของสะสม ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง เพราะหากคุณดูแลรักษาไม่ถูกวิธี หรือไม่ดีพอ จากที่จะขายได้กำไร ก็อาจขาดทุน หรือขายไม่ได้เลยก็ได้ หรือหากไม่มีความรู้ในของสิ่งนั้นมากพอ รวมถึงไม่รู้ราคาตลาด ก็อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เช่นกัน

เมื่อรู้จัก เข้าใจ และสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจได้แล้ว ก็มาลงทุนกันตั้งแต่วันนี้เลย! ยิ่งลงทุนเร็วยิ่งได้เปรียบ ทำให้มีเวลาในการสะสมและต่อยอดเงินในอนาคต รวมถึงการต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในด้านการใช้ชีวิต ลงทุนทำธุรกิจด้วย

advertisement

About Admin

"สยามอาชีพ" อาชีพเสริม สร้างอาชีพ สร้างรายได้